ยินดีต้อนรับเข้าสู่เว็บบล็อกของนางสาวหฤทัย สินจิราธรกุล รหัสนักศึกษา 544110077สาขาสังคมศึกษา ชั้นปีที่ 2 หมู่ 2 มหาวิทยาลัยราชภัฏหมูบ้านจอมบึง

หน่วยการเรียนรู้ที่ 1

หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับนวัตกรรมการสึกษา “นวัตกรรม” หมายถึงความคิด การปฏิบัติ หรือสิ่งประดิษฐ์ใหม่ ๆ ที่ยังไม่เคยมีใช้มาก่อน หรือเป็นการพัฒนาดัดแปลงมาจากของเดิมที่มีอยู่แล้ว ให้ทันสมัยและใช้ได้ผลดียิ่งขึ้น เมื่อนำ นวัตกรรมมาใช้จะช่วยให้การทำงานนั้นได้ผลดีมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงกว่าเดิม ทั้งยังช่วย ประหยัดเวลาและแรงงานได้ด้วย คำว่า “นวัตกรรม” เป็นคำที่ค่อนข้างจะใหม่ในวงการศึกษาของไทย คำนี้ เป็นศัพท์บัญญัติของคณะกรรมการพิจารณาศัพท์วิชาการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ มาจากภาษาอังกฤษว่า Innovation มาจากคำกริยาว่า innovate แปลว่า ทำใหม่ เปลี่ยนแปลงให้เกิดสิ่งใหม่ ในภาษาไทยเดิมใช้คำว่า “นวกรรม” ต่อมาพบว่าคำนี้มีความหมายคลาดเคลื่อน จึงเปลี่ยนมาใช้คำว่า นวัตกรรม (อ่านว่า นะ วัด ตะ กำ) หมายถึงการนำสิ่งใหม่ๆ เข้ามาเปลี่ยนแปลงเพิ่มเติมจากวิธีการที่ทำอยู่เดิม เพื่อให้ใช้ได้ผลดียิ่งขึ้น ดังนั้นไม่ว่าวงการหรือกิจการใด ๆ ก็ตาม เมื่อมีการนำเอาความเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ เข้ามาใช้เพื่อปรับปรุงงานให้ดีขึ้นกว่าเดิมก็เรียกได้ว่าเป็นนวัตกรรม ของวงการนั้น ๆ เช่นในวงการศึกษานำเอามาใช้ ก็เรียกว่า “นวัตกรรมการศึกษา” (Educational Innovation) สำหรับผู้ที่กระทำ หรือนำความเปลี่ยนแปลงใหม่ ๆ มาใช้นี้ เรียกว่าเป็น “นวัตกร” (Innovator) (boonpan edt01.htm) ทอมัส ฮิวช์ (Thomas Hughes) ได้ให้ความหมายของ “นวัตกรรม” ว่า เป็นการนำวิธีการใหม่ ๆ มาปฏิบัติหลังจากได้ผ่านการทดลองหรือได้รับการพัฒนามาเป็นขั้น ๆ แล้ว เริ่มตั้งแต่การคิดค้น (Invention) การพัฒนา (Development) ซึ่งอาจจะเป็นไปในรูปของ โครงการทดลองปฏิบัติก่อน (Pilot Project) แล้วจึงนำไปปฏิบัติจริง ซึ่งมีความแตกต่างไปจากการปฏิบัติเดิมที่เคยปฏิบัติมา (boonpan edt01.htm) มอร์ตัน (Morton,J.A.) ให้ความหมาย “นวัตกรรม” ว่าเป็นการทำให้ใหม่ขึ้นอีกครั้ง(Renewal) ซึ่งหมายถึง การปรับปรุงสิ่งเก่าและพัฒนาศักยภาพของบุคลากร ตลอดจนหน่วยงาน หรือองค์การนั้น ๆ นวัตกรรม ไม่ใช่การขจัดหรือล้มล้างสิ่งเก่าให้หมดไป แต่เป็นการ ปรับปรุงเสริมแต่งและพัฒนา (boonpan edt01.htm) ไชยยศ เรืองสุวรรณ (2521 : 14) ได้ให้ความหมาย “นวัตกรรม” ไว้ว่าหมายถึง วิธีการปฎิบัติใหม่ๆ ที่แปลกไปจากเดิมโดยอาจจะได้มาจากการคิดค้นพบวิธีการใหม่ๆ ขึ้นมาหรือมีการปรับปรุงของเก่าให้เหมาะสมและสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ได้รับการทดลอง พัฒนาจนเป็นที่เชื่อถือได้แล้วว่าได้ผลดีในทางปฎิบัติ ทำให้ระบบก้าวไปสู่จุดหมายปลายทางได้อย่างมีประสิทธิภาพขึ้น จรูญ วงศ์สายัณห์ (2520 : 37) ได้กล่าวถึงความหมายของ “นวัตกรรม” ไว้ว่า “แม้ในภาษาอังกฤษเอง ความหมายก็ต่างกันเป็น 2 ระดับ โดยทั่วไป นวัตกรรม หมายถึง ความพยายามใด ๆ จะเป็นผลสำเร็จหรือไม่ มากน้อยเพียงใดก็ตามที่เป็นไปเพื่อจะนำสิ่งใหม่ ๆ เข้ามาเปลี่ยนแปลงวิธีการที่ทำอยู่เดิมแล้ว กับอีกระดับหนึ่งซึ่งวงการวิทยาศาสตร์แห่งพฤติกรรม ได้พยายามศึกษาถึงที่มา ลักษณะ กรรมวิธี และผลกระทบที่มีอยู่ต่อกลุ่มคนที่เกี่ยวข้อง คำว่า นวัตกรรม มักจะหมายถึง สิ่งที่ได้นำความเปลี่ยนแปลงใหม่เข้ามาใช้ได้ผลสำเร็จและแผ่กว้างออกไป จนกลายเป็นการปฏิบัติอย่างธรรมดาสามัญ (บุญเกื้อ ควรหาเวช , 2543) นวัตกรรม แบ่งออกเป็น 3 ระยะ คือ ระยะที่ 1 มีการประดิษฐ์คิดค้น (Innovation) หรือเป็นการปรุงแต่งของเก่าให้เหมาะสมกับกาลสมัย ระยะที่ 2 พัฒนาการ (Development) มีการทดลองในแหล่งทดลองจัดทำอยู่ในลักษณะของโครงการทดลองปฏิบัติก่อน (Pilot Project) ระยะที่ 3 การนำเอาไปปฏิบัติในสถานการณ์ทั่วไป ซึ่งจัดว่าเป็นนวัตกรรมขั้นสมบูรณ์ ความหมายของเทคโนโลยี ความเจริญในด้านต่างๆ ที่ปรากฏให้เห็นอยู่ในปัจจุบัน เป็นผลมาจากการศึกษาค้นคว้าทดลองประดิษฐ์คิดค้นสิ่งต่างๆ โดยอาศัยความรู้ทางวิทยาศาสตร์ เมื่อศึกษาค้นพบและทดลองใช้ได้ผลแล้ว ก็นำออกเผยแพร่ใช้ในกิจการด้านต่างๆ ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพัฒนาคุณภาพ และประสิทธิภาพในกิจการต่างๆ เหล่านั้น และวิชาการที่ว่าด้วยการนำความรู้ทางวิทยาศาสตร์ มาใช้ในกิจการด้านต่างๆ จึงเรียกกันว่า “วิทยาศาสตร์ประยุกต์” หรือนิยมเรียกกันทั่วไปว่า “เทคโนโลยี” (boonpan edt01.htm) เทคโนโลยีี หมายถึงการใช้เครื่องมือให้เหมาะสมกับสถานการณ์ในการแก้ปัญหา ผู้ที่นำเอาเทคโนโลยีมาใช้ เรียกว่านักเทคโนโลยี (Technologist) (boonpan edt01.htm) เทคโนโลยีทางการศึกษา (Educational Technology) ตามรูปศัพท์ เทคโน (วิธีการ) + โลยี(วิทยา) หมายถึง ศาสตร์ที่ว่าด้วยวิธีการทางการศึกษา ครอบคลุมระบบการนำวิธีการ มาปรับปรุงประสิทธิภาพของการศึกษาให้สูงขึ้นเทคโนโลยีทางการศึกษาครอบคลุมองค์ประกอบ 3 ประการ คือ วัสดุ อุปกรณ์ และวิธีการ (boonpan edt01.htm) สภาเทคโนโลยีทางการศึกษานานาชาติได้ให้คำจำกัดความของ เทคโนโลยีทางการศึกษา ว่าเป็นการพัฒนาและประยุกต์ระบบเทคนิคและอุปกรณ์ ให้สามารถนำมาใช้ในสถานการณ์ได้อย่างเหมาะสม เพื่อสร้างเสริมกระบวนการเรียนรู้ของคนให้ดียิ่งขึ้น (boonpan edt01.htm) ดร.เปรื่อง กุมุท ได้กล่าวถึงความหมายของเทคโนโลยีการศึกษาว่า เป็นการขยายขอบข่ายของการใช้สื่อการสอน ให้กว้างขวางขึ้นทั้งในด้านบุคคล วัสดุเครื่องมือ สถานที่ และกิจกรรมต่างๆในกระบวนการเรียนการสอน (boonpan edt01.htm) Edgar Dale กล่าวว่า เทคโนโลยีทางการศึกษา ไม่ใช่เครื่องมือ แต่เป็นแผนการหรือวิธีการทำงานอย่างเป็นระบบ ให้บรรลุผลตามแผนการ (boonpan edt01.htm) นอกจากนี้เทคโนโลยีทางการศึกษา เป็นการขยายแนวคิดเกี่ยวกับโสตทัศนศึกษา ให้กว้างขวางยิ่งขึ้น ทั้งนี้ เนื่องจากโสตทัศนศึกษาหมายถึง การศึกษาเกี่ยวกับการใช้ตาดูหูฟัง ดังนั้นอุปกรณ์ในสมัยก่อนมักเน้นการใช้ประสาทสัมผัส ด้านการฟังและการดูเป็นหลัก จึงใช้คำว่าโสตทัศนอุปกรณ์ เทคโนโลยีทางการศึกษา มีความหมายที่กว้างกว่า ซึ่งอาจจะพิจารณาจาก ความคิดรวบยอดของเทคโนโลยีได้เป็น 2 ประการ คือ 1. ความคิดรวบยอดทางวิทยาศาสตร์กายภาพ ตามความคิดรวบยอดนี้ เทคโนโลยีทางการศึกษาหมายถึง การประยุกต์วิทยาศาสตร์กายภาพ ในรูปของสิ่งประดิษฐ์ เช่น เครื่องฉายภาพยนตร์ โทรทัศน์ ฯลฯ มาใช้สำหรับการเรียนรู้ของนักเรียนเป็นส่วนใหญ่ การใช้เครื่องมือเหล่านี้ มักคำนึงถึงเฉพาะการควบคุมให้เครื่องทำงาน มักไม่คำนึงถึงจิตวิทยาการเรียนรู้ โดยเฉพาะเรื่องความแตกต่างระหว่างบุคคล และการเลือกสื่อให้ตรงกับเนื้อหาวิชา ความหมายของเทคโนโลยีทางการศึกษา ตามความคิดรวบยอดนี้ ทำให้บทบาทของเทคโนโลยีทางการศึกษาแคบลงไป คือมีเพียงวัสดุ และอุปกรณ์เท่านั้น ไม่รวมวิธีการ หรือปฏิกิริยาสัมพันธ์อื่น ๆ เข้าไปด้วย ซึ่งตามความหมายนี้ก็คือ “โสตทัศนศึกษา” นั่นเอง 2. ความคิดรวบยอดทางพฤติกรรมศาสตร์ เป็นการนำวิธีการทางจิตวิทยา มนุษยวิทยา กระบวนการกลุ่ม ภาษา การสื่อความหมาย การบริหาร เครื่องยนต์กลไก การรับรู้มาใช้ควบคู่กับผลิตกรรมทางวิทยาศาสตร์และวิศวกรรม เพื่อให้ผู้เรียน เปลี่ยนพฤติกรรมการเรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นมิใช่เพียงการใช้เครื่องมืออุปกรณ์เท่านั้น แต่รวมถึงวิธีการทางวิทยาศาสตร์เข้าไปด้วย มิใช่วัสดุ หรืออุปกรณ์ แต่เพียงอย่างเดียว (boonpan edt01.htm) เป้าหมายของเทคโนโลยีการศึกษา 1. การขยายพิสัยของทรัพยากรของการเรียนรู้ กล่าวคือ แหล่งทรัพยากรการเรียนรู้ มิได้หมายถึงแต่เพียงตำรา ครู และอุปกรณ์การสอน ที่โรงเรียนมีอยู่เท่านั้น แนวคิดทางเทคโนโลยีทางการศึกษา ต้องการให้ผู้เรียนมีโอกาสเรียนจากแหล่งความรู้ที่กว้างขวางออกไปอีก แหล่งทรัพยากรการเรียนรู้ครอบคลุมถึงเรื่องต่างๆ เช่น 1.1 คน คนเป็นแหล่งทรัพยากรการเรียนรู้ที่สำคัญซึ่งได้แก่ ครู และวิทยากรอื่น ซึ่งอยู่นอกโรงเรียน เช่น เกษตรกร ตำรวจ บุรุษไปรษณีย์ เป็นต้น 1.2 วัสดุและเครื่องมือ ได้แก่ โสตทัศนวัสดุอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น ภาพยนตร์ วิทยุ โทรทัศน์ เครื่องวิดีโอเทป ของจริงของจำลองสิ่งพิมพ์ รวมไปถึงการใช้สื่อมวลชนต่างๆ 1.3 เทคนิค-วิธีการ แต่เดิมนั้นการเรียนการสอนส่วนมาก ใช้วิธีให้ครูเป็นคนบอกเนื้อหา แก่ผู้เรียนปัจจุบันนั้น เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ศึกษาค้นคว้าด้วยตนเองได้มากที่สุด ครูเป็นเพียง ผู้วางแผนแนะแนวทางเท่านั้น 1.4 สถานที่ อันได้แก่ โรงเรียน ห้องปฏิบัติการทดลอง โรงฝึกงาน ไร่นา ฟาร์ม ที่ทำการรัฐบาล ภูเขา แม่น้ำ ทะเล หรือสถานที่ใด ๆ ที่ช่วยเพิ่มประสบการณ์ที่ดีแก่ผู้เรียนได้ 2. การเน้นการเรียนรู้แบบเอกัตบุคคล ถึงแม้นักเรียนจะล้นชั้น และกระจัดกระจาย ยากแก่การจัดการศึกษาตามความแตกต่างระหว่างบุคคลได้ นักการศึกษาและนักจิตวิทยาได้พยายามคิด หาวิธีนำเอาระบบการเรียนแบบตัวต่อตัวมาใช้ แต่แทนที่จะใช้ครูสอนนักเรียนทีละคน เขาก็คิด ‘แบบเรียนโปรแกรม’ ซึ่งทำหน้าที่สอน ซึ่งเหมือนกับครูมาสอน นักเรียนจะเรียนด้วยตนเอง จากแบบเรียนด้วยตนเองในรูปแบบเรียนเป็นเล่ม หรือเครื่องสอนหรือสื่อประสมหลายๆ อย่าง จะเรียนช้าหรือเร็วก็ทำได้ตามความสามารถของผู้เรียนแต่ละคน 3. การใช้วิธีวิเคราะห์ระบบในการศึกษา การใช้วิธีระบบ ในการปฏิบัติหรือแก้ปัญหา เป็นวิธีการที่เป็นวิทยาศาสตร์ ที่เชื่อถือได้ว่าจะสามารถแก้ปัญหา หรือช่วยให้งานบรรลุเป้าหมายได้ เนื่องจากกระบวนการของวิธีระบบ เป็นการวิเคราะห์องค์ประกอบของงานหรือของระบบ อย่างมีเหตุผล หาทางให้ส่วนต่าง ๆ ของระบบทำงาน ประสานสัมพันธ์กันอย่างมีประสิทธิภาพ 4. พัฒนาเครื่องมือ-วัสดุอุปกรณ์ทางการศึกษา วัสดุและเครื่องมือต่าง ๆ ที่ใช้ในการศึกษา หรือการเรียนการสอนปัจจุบันจะต้องมีการพัฒนา ให้มีศักยภาพ หรือขีดความสามารถในการทำงานให้สูงยิ่งขึ้นไปอีก แนวคิดพื้นฐานของนวัตกรรมทางการศึกษา ปัจจัยสำคัญที่มีอิทธิพลอย่างมาก ต่อวิธีการศึกษา ได้แก่แนวความคิดพื้นฐานทางการศึกษาที่เปลี่ยนแปลงไป อันมีผลทำให้เกิดนวัตกรรมการศึกษาที่สำคัญๆ พอจะสรุปได้4 ประการ คือ 1. ความแตกต่างระหว่างบุคคล (Individual Different) การจัดการศึกษาของไทยได้ให้ความสำคัญในเรื่องความแตกต่างระหว่างบุคคลเอาไว้อย่างชัดเจนซึ่งจะเห็นได้จากแผนการศึกษาของชาติ ให้มุ่งจัดการศึกษาตามความถนัดความสนใจ และความสามารถ ของแต่ละคนเป็นเกณฑ์ ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนได้แก่ การจัดระบบห้องเรียนโดยใช้อายุเป็นเกณฑ์บ้าง ใช้ความสามารถเป็นเกณฑ์บ้าง นวัตกรรมที่เกิดขึ้นเพื่อสนองแนวความคิดพื้นฐานนี้ เช่น - การเรียนแบบไม่แบ่งชั้น (Non-Graded School) - แบบเรียนสำเร็จรูป (Programmed Text Book) - เครื่องสอน (Teaching Machine) - การสอนเป็นคณะ (TeamTeaching) - การจัดโรงเรียนในโรงเรียน (School within School) - เครื่องคอมพิวเตอร์ช่วยสอน (Computer Assisted Instruction) 2. ความพร้อม (Readiness) เดิมทีเดียวเชื่อกันว่า เด็กจะเริ่มเรียนได้ก็ต้องมีความพร้อมซึ่งเป็นพัฒนาการตามธรรมชาติ แต่ในปัจจุบันการวิจัยทางด้านจิตวิทยาการเรียนรู้ ชี้ให้เห็นว่าความพร้อมในการเรียนเป็นสิ่งที่สร้างขึ้นได้ ถ้าหากสามารถจัดบทเรียน ให้พอเหมาะกับระดับความสามารถของเด็กแต่ละคน วิชาที่เคยเชื่อกันว่ายาก และไม่เหมาะสมสำหรับเด็กเล็กก็สามารถนำมาให้ศึกษาได้ นวัตกรรมที่ตอบสนองแนวความคิดพื้นฐานนี้ได้แก่ ศูนย์การเรียน การจัดโรงเรียนในโรงเรียน นวัตกรรมที่สนองแนวความคิดพื้นฐานด้านนี้ เช่น - ศูนย์การเรียน (Learning Center) - การจัดโรงเรียนในโรงเรียน (School within School) - การปรับปรุงการสอนสามชั้น (Instructional Development in 3 Phases) 3. การใช้เวลาเพื่อการศึกษา แต่เดิมมาการจัดเวลาเพื่อการสอน หรือตารางสอนมักจะจัดโดยอาศัยความสะดวกเป็นเกณฑ์ เช่น ถือหน่วยเวลาเป็นชั่วโมง เท่ากันทุกวิชา ทุกวันนอกจากนั้นก็ยังจัดเวลาเรียนเอาไว้แน่นอนเป็นภาคเรียน เป็นปี ในปัจจุบันได้มีความคิดในการจัดเป็นหน่วยเวลาสอนให้สัมพันธ์กับลักษณะของแต่ละวิชาซึ่งจะใช้เวลาไม่เท่ากัน บางวิชาอาจใช้ช่วงสั้นๆ แต่สอนบ่อยครั้ง การเรียนก็ไม่จำกัดอยู่แต่เฉพาะในโรงเรียนเท่านั้น นวัตกรรมที่สนองแนวความคิดพื้นฐานด้านนี้ เช่น - การจัดตารางสอนแบบยืดหยุ่น (Flexible Scheduling) - มหาวิทยาลัยเปิด (Open University) - แบบเรียนสำเร็จรูป (Programmed Text Book) - การเรียนทางไปรษณีย์ 4. ประสิทธิภาพในการเรียน การขยายตัวทางวิชาการ และการเปลี่ยนแปลงของสังคม ทำให้มีสิ่งต่างๆ ที่คนจะต้องเรียนรู้เพิ่มขึ้นมาก แต่การจัดระบบการศึกษาในปัจจุบันยังไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอจึงจำเป็นต้องแสวงหาวิธีการใหม่ที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น ทั้งในด้านปัจจัยเกี่ยวกับตัวผู้เรียน และปัจจัยภายนอก นวัตกรรมในด้านนี้ที่เกิดขึ้น เช่น - มหาวิทยาลัยเปิด - การเรียนทางวิทยุ การเรียนทางโทรทัศน์ - การเรียนทางไปรษณีย์ แบบเรียนสำเร็จรูป - ชุดการเรียน iนวัตกรรมทางการศึกษาที่สำคัญของไทยในปัจจุบัน(2546) นวัตกรรม เป็นความคิดหรือการกระทำใหม่ๆ ซึ่งนักวิชาการหรือผู้เชี่ยวชาญในแต่ละวงการจะมีการคิดและทำสิ่งใหม่อยู่เสมอ ดังนั้นนวัตกรรมจึงเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นใหม่ได้เรื่อยๆ สิ่งใดที่คิดและทำมานานแล้ว ก็ถือว่าหมดความเป็นนวัตกรรมไป โดยจะมีสิ่งใหม่มาแทน ในวงการศึกษาปัจจุบัน มีสิ่งที่เรียกว่านวัตกรรมทางการศึกษา หรือนวัตกรรมการเรียนการสอน อยู่เป็นจำนวนมาก บางอย่างเกิดขึ้นใหม่ บางอย่างมีการใช้มาหลายสิบปีแล้ว แต่ก็ยังคงถือว่าเป็น นวัตกรรม เนื่องจากนวัตกรรมเหล่านั้นยังไม่แพร่หลายเป็นที่รู้จักทั่วไป ในวงการศึกษา ข้อสังเกตเกี่ยวกับสิ่งที่ถือว่าเป็นนวัตกรรม 1. เป็นความคิดและกระบวนการกระทำใหม่ทั้งหมดหรือปรับปรุงดัดแปลงจากที่สิ่งที่เคยมีนำมาปรับปรุงใหม่ให้ดียิ่งขึ้น 2. ความคิดหรือการกระทำนั้น มีการพิสูจน์ด้วยการทดลอง วิจัย ผลสัมฤทธิ์การดำเนินงานมีประสิทธิภาพสูงขึ้น 3. มีการนำวิธีระบบมาใช้อย่างชัดเจนโดยพิจารณาองค์ประกอบทั้ง 3 ส่วน คือ ข้อมูล กระบวนการ และผลลัพธ์ 4. ยังไม่เป็นส่วนหนึ่งส่วนใดของระบบงานในปัจจุบัน หลักสำคัญในการพิจารณาว่าเป็นนวัตกรรม จากความหมายของคำว่านวัตกรรมจะเห็นว่านักการศึกษาแต่ละท่านได้ให้ความหมายไว้แตกต่างกัน แต่พอจะมีเกณฑ์ให้เราพิจารณาได้ว่าสิ่งใดเป็นนวัตกรรมหรือไม่ โดย ชัยยงค์ พรหมวงศ์ ได้ให้เกณฑ์ในการพิจารณาสิ่งที่จะถือว่าเป็น นวัตกรรมไว้ดังนี้ 1. จะต้องเป็นสิ่งใหม่ทั้งหมดหรือบางส่วน 2. มีการนำวิธีการจัดระบบมาใช้ โดยพิจารณาองค์ประกอบทั้งส่วนข้อมูลที่ใส่เข้าไป กระบวนการ และผลลัพธ์ ให้เหมาะสมก่อนที่จะทำการเปลี่ยนแปลง 3. มีการพิสูจน์ด้วยการวิจัย หรืออยู่ระหว่างการวิจัยว้า จะช่วยให้การดำเนินงานบางอย่างมีประสิทธิภาพสูงขึ้น 4. ยังไม่เป็นส่วนหนึ่งของระบบงานในปัจจุบัน หากกลายเป็นส่วนหนึ่งของระบบงานที่ดำเนินอยู่ในขณะนี้ ไม่ถือว่าเป็นนวัตกรรม หลักสำคัญในการนำนวัตกรรมเข้ามาใช้ การที่จะรับนวัตกรรมเข้ามาใช้ในสถานที่ใดสถานที่หนึ่งนั้น จำเป็นที่จะต้องมีการพิจารณาอย่างรอบคอบถึงประโยชน์ที่จะได้รับ ความเหมาะสม ความเป็นไปได้ ตลอดจนความคุ้มค่าของการนำมาใช้โดยคำนึงถึงสิ่งต่าง ๆ ดังต่อไปนี้ (กิดานันท์ มลิทอง. 2541:246) 1. นวัตกรรมที่จะนำมาใช้นั้นมีจุดเด่นที่เห็นได้ชัดกว่าวัสดุ อุปกรณ์ หรือวิธีการที่ใช้อยู่ในปัจจุบันมากน้อยเพียงใด 2. นวัตกรรมนั้นมีความเหมาะสมหรือไม่กับระบบหรือสภาพที่เป็นอยู่ 3. มีการวิจัยหรือกรณีศึกษาที่ยืนยันแน่นอนแล้วว่า สามารถนำมาใช้ได้ดีในสภาวการณ์ที่คล้ายคลึงกันนี้ 4. นวัตกรรมนั้นมีความเกี่ยวข้องกับความต้องการของผู้ใช้อย่างจริงจัง ู้สถานะของนวัตกรรม 1. ความคิดหรือการปฏิบัติใหม่นั้น อาจเก่ามาจากที่อื่นและเหมาะที่จะนำมาปฏิบัติกับสถานที่นี้ใน สถานะการณ์ปัจจุบัน 2. ความคิดหรือการปฏิบัติใหม่นั้นครั้งหนึ่งเคยนำมาใช้ แต่ไม่ได้ผลและล้มเลิกไป เนื่องจากเกิดปัญหาต่าง ๆ และความไม่พร้อมในระยะนั้น แต่ในสภาพปัจจุบันความคิดหรือ การปฏิบัติใหม่นั้นเหมาะสมที่จะนำมาใช้อีกครั้งหนึ่ง 3. ความคิดหรือการปฏิบัติใหม่นั้นมีความสอดคล้องและเหมาะสมกับการปฏิบัติงาน เพื่อแก้ปัญหาบางอย่าง และจะช่วยให้บรรลุตามเป้าหมายที่กำหนดไว้อย่างมีประสิทธิภาพ 4. ความคิดหรือการปฏิบัติใหม่นั้นถูกปฏิเสธมาครั้งหนึ่งแล้ว อาจเนื่องมาจาก ผู้บริหารไม่สนับสนุน หรือมีเจตคติ ิที่ไม่ดีต่อความคิดหรือการปฏิบัติใหม่นั้น ต่อมาผู้บริหารได้ เปลี่ยนเจตคติไปในทางที่ดีหรือมีการเปลี่ยนแปลง ผู้บริหารใหม่ ทำให้ความคิดหรือการปฏิบัติ ใหม่นั้นได้รับการสนับสนุนนำมาใช้ 5. ความคิดหรือการปฏิบัติใหม่ที่ไม่เคยมีใครคิดหรือปฏิบัติมาก่อน เป็นสิ่งที่ได้รับ การคิดค้นได้เป็นคนแรก ปัจจัยสำคัญที่มีอิทธิพลอันมีผลทำให้เกิดนวัตกรรม 1. แนวความคิดพื้นฐานในเรื่องความแตกต่างระหว่างบุคคล (Individual Different) นวัตกรรมที่เกิดขึ้นเพื่อสนองแนวความคิดพื้นฐานนี้ เช่น - การเรียนแบบไม่แบ่งชั้น (Non-Graded School) - แบบเรียนสำเร็จรูป (Programmed Text Book) - เครื่องสอน (Teaching Machine) - การสอนเป็นคณะ (TeamTeaching) - การจัดโรงเรียนในโรงเรียน (School within School) - เครื่องคอมพิวเตอร์ช่วยสอน (Computer Assisted Instruction) 2. แนวความคิดพื้นฐานในเรื่องความพร้อม (Readiness) นวัตกรรมที่สนองแนว ความคิดพื้นฐานด้านนี้ เช่น - ศูนย์การเรียน (Learning Center) - การจัดโรงเรียนในโรงเรียน (School within School) -การปรับปรุงการสอนสามชั้น (Instructional Development in 3 Phases ) 3. แนวความคิดพื้นฐานในเรื่องการใช้เวลาเพื่อการศึกษา นวัตกรรมที่ สนองแนวความคิด เช่น - การจัดตารางสอนแบบยืดหยุ่น (Flexible Scheduling) - มหาวิทยาลัยเปิด (Open University) - แบบเรียนสำเร็จรูป (Programmed Text Book) - การเรียนทางไปรษณีย์ 4. แนวความคิดพื้นฐานในเรื่องการขยายตัวทางวิชาการและอัตราการเพิ่มประชากร นวัตกรรมในด้านนี้ที่เกิดขึ้น เช่น - มหาวิทยาลัยเปิด - การเรียนทางวิทยุ การเรียนทางโทรทัศน์ - การเรียนทางไปรษณีย์ แบบเรียนสำเร็จรูป - ชุดการเรียน นวัตกรรมคืออะไร http://www.jeedbuddy.com/forumindex.php?topic=1033.0 นวัตกรรม คือสิ่งใหม่ที่เกิดจากการใช้ความรู้และความคิดสร้างสรรค์ที่มีประโยชน์ต่อเศรษฐกิจและสังคม นวัตกรรมและทรัพย์สินทางปัญญามีความสัมพันธ์อย่างยิ่งกับการวิจัยและพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เนื่องจาก เป็นกลไกที่รัฐออกกฎหมายขึ้นเพื่อคุ้มครองผลงานวิจัยและพัฒนา อันเกิดจากความคิดสร้างสรรค์ ความอุตสาหะและความเสียสละทั้งเงินทุนและเวลา เพื่อทำการคิดค้นสิ่งประดิษฐ์ต่างๆ อันจะเป็นประโยชน์ต่อสังคมส่วนรวม http://guru.google.co.th/guru/thread?tid= 003abc82634a15f2 นอร์ดและทัคเคอร์ (Nord & Tucker, 1987) อธิบายว่า นวัตกรรม หมายถึง ขบวนการเสนอสิ่งใหม่ที่ใหม่อย่างแท้จริงสู่สังคม (Radical Innovation) โดยการเปลี่ยนแปลงค่านิยม (value), ความเชื่อ (belief), ตลอดจนระบบค่านิยม (value system) รูปแบบเดิมๆ ของสังคมอย่างสิ้นเชิง ตัวอย่างเช่น อินเตอร์เน็ท จัดว่าเป็นนวัตกรรมหนึ่งในยุคโลกข้อมูลข่าวสาร การนำเสนอระบบอินเตอร์เน็ท ทำให้ค่านิยมเดิมที่เชื่อว่า โลกข้อมูลข่าวสารจำกัดอยู่ในวงเฉพาะทั้งในด้านเวลาและสถานที่นั้นเปลี่ยนไป อินเทอร์เน็ต เปิดโอกาสให้ความสามารถในการเข้าถึงข้อมูลไร้ขีดจำกัด ทั้งในด้านของเวลา และระยะทาง การเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ทำให้ระบบคุณค่าของข้อมูลข่าวสารเปลี่ยนแปลงไป บางคนเชื่อว่า อินเทอร์เน็ตจะเข้ามาแทนที่ระบบการส่งข้อมูลข่าวสารในระบบเดิม อย่างสิ้นเชิงในไม่ช้า อาทิเช่น ระบบไปรษณีย์ ฮิวซ์ (Hughes, 1971 อ้างถึงใน กีรติ ยศยิ่งยง, 2552) อธิบายว่า นวัตกรรม เป็นการนำวิธีการใหม่ๆ มาปฏิบัติหลังจากได้ผ่านการทดลองหรือได้รับการพัฒนามาเป็นขั้นๆ แล้ว โดยมีขั้นตอนตามลำดับ คือ การคิดค้น การพัฒนา และนำไปปฏิบัติจริง ซึ่งมีความหมายแตกต่างจากการปฏิบัติเดิมที่เคยปฏิบัติมา โรเจอร์ส (Rogers, 1983) ได้ให้ความหมายว่านวัตกรรม คือ ความคิด การกระทำ หรือสิ่งที่บุคคลหรือคนกลุ่มหนึ่งยอมรับว่าเป็นสิ่งใหม่ โดยอาจเป็นเรื่องเล็กๆ ที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมของมนุษย์ ไม่ว่าความคิดนั้นจะเป็นสิ่งใหม่นับตั้งแต่เริ่มใช้หรือถูกค้นพบครั้งแรกหรือไม่ก็ตาม ขึ้นอยู่กับการที่บุคคลรับรู้ว่าเป็นของใหม่หรือไม่ โดยความเห็นของบุคคลเองจะเป็นผู้ตัดสินการตอบสนองของบุคคลที่มีต่อสิ่งนั้น ถ้าบุคคลเห็นว่าความคิดนั้นเป็นสิ่งใหม่สำหรับตน ความคิดนั้นก็เป็นนวัตกรรม http://www.torakom.com/article_index.php?sub=article_show&art=119 นวัตกรรมคือ เครื่องมือเฉพาะด้านของผู้ประกอบการ ที่มีความสามารถในการผลิกผันโอกาสไปใช้ให้เกิดประโยชน์ ตามแต่ละธุรกิจ ซึ่งสามารถจะที่จะนำเสนอต่อผู้ให้สามารถ เรียนรู้ และ ฝึกฝนได้สรุป นวัตกรรม หมายถึงความคิด การปฏิบัติ หรือสิ่งประดิษฐ์ใหม่ ๆ ที่ยังไม่เคยมีใช้มาก่อน หรือเป็นการพัฒนาดัดแปลงมาจากของเดิมที่มีอยู่แล้ว ให้ทันสมัยและใช้ได้ผลดียิ่งขึ้น เมื่อนำ นวัตกรรมมาใช้จะช่วยให้การทำงานนั้นได้ผลดีมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงกว่าเดิม ทั้งยังช่วย ประหยัดเวลาและแรงงานได้ด้วย อ้างอิง http://www.jeedbuddy.com/forumindex.php?topic=1033.0 http://guru.google.co.th/guru/thread?tid=003abc82634a15f2 นวัตกรรม คือ สิ่งใหม่ที่เกิดจากการใช้ความรู้และความคิดสร้างสรรค์ที่มีประโยชน์ต่อเศรษฐกิจและสังคม นวัตกรรมและทรัพย์สินทางปัญญามีความสัมพันธ์อย่างยิ่งกับการวิจัยและพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เนื่องจาก เป็นกลไกที่รัฐออกกฎหมายขึ้นเพื่อคุ้มครองผลงานวิจัยและพัฒนา อันเกิดจากความคิดสร้างสรรค์ ความอุตสาหะและความเสียสละทั้งเงินทุนและเวลา เพื่อทำการคิดค้นสิ่งประดิษฐ์ต่างๆ อันจะเป็นประโยชน์ต่อสังคมส่วนรวม ในยุคเศรษฐกิจแห่งองค์ความรู้และกระแสการแข่งขันทางการค้าที่มุ่งเน้นการสร้างความแข็งแกร่งโดยมีรากฐานบนองค์ความรู้ นวัตกรรม รวมถึงทรัพย์สินทางปัญญาโดยเฉพาะอย่างยิ่งสิทธิบัตร ปัจจุบันองค์กรและบริษัทส่วนใหญ่พยายามที่จะมุ่งเน้นการสร้างทุนทางปัญญา นวัตกรรม และรวมไปถึงทรัพย์สินทางปัญญามากกว่าทุนในรูปแบบเดิม เช่น ที่ดิน โรงงาน หรือเครื่องจักร โดยที่ทรัพย์สินทางปัญญาสามารถสร้างมูลค่าหรือรายได้และเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันขององค์กรในตลาดทั้งภายในและภายนอกประเทศ ดังนั้น ทรัพย์สินทางปัญญามิใช่เรื่องที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายแต่เพียงอย่างเดียว แต่เกี่ยวข้องถึงการวางแผน การบริหารจัดการ การทำวิจัยและพัฒนาเพื่อให้ได้มาซึ่งทรัพย์สินทางปัญญาอันจะเป็นประโยชน์ต่อองค์กร ปัจจุบันภาครัฐและเอกชนภายในประเทศได้ให้ความสำคัญกับนวัตกรรมมากขึ้น โดยมีแนวคิดเกี่ยวกับความสามารถในการแข่งขันเป็นปัจจัยสำคัญในการทำธุรกิจ และการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันส่วนหนึ่งจำเป็นต้องอาศัยนวัตกรรม หากธุรกิจใดมีการทำนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง ผลที่ธุรกิจจะได้รับอย่างเห็นได้ชัดคือความสามารถในการลดต้นทุนและความสามารถในการเพิ่มยอดขายหรือขยายกิจการ เนื่องจาก นวัตกรรมมีความสำคัญต่อองค์กรและประเทศมากขึ้น ดังนั้น ปัจจุบันจึงมีหน่วยงานผู้สนับสนุนนวัตกรรมและทรัพย์สินทางปัญญาจำนวนมาก ได้แก่ กรมทรัพย์สินทางปัญญา สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ ซึ่งได้สนับสนุนให้ผู้ประกอบการรวมตัวกันจัดตั้งเป็นสมาคมนวัตกรรมและทรัพย์สินทางปัญญา (IPA) เพื่อร่วมกันสร้างความตระหนักในการสร้างสรรค์นวัตกรรมและทรัพย์สินทางปัญญา นอกจากนั้น ยังมีหน่วยงานเครือข่ายด้านนวัตกรรม ได้แก่ กรมวิทยาศาสตร์บริการ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย สำนักงานวิจัยและพัฒนากลาโหม ศูนย์วิจัยชีววิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นต้น การผลิต 1. ธุรกิจชีวภาพ (Bio-Business) ไทยเป็นประเทศที่มีความได้เปรียบด้านความหลากหลายทางชีวภาพเป็นอย่างสูง ประกอบกับความสามารถในการสร้างองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ชีวภาพของบุคลากรวิจัยในประเทศ จึงทำให้มีศักยภาพสูงในการนำผลิตภัณฑ์ธรรมชาติและสิ่งมีชีวิตต่างๆ มาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์โดยเฉพาะการสร้างให้เกิดธุรกิจใหม่ จากการวิเคราะห์สถานภาพในการพัฒนาโครงการนวัตกรรมเชิงยุทธศาสตร์ด้านธุรกิจชีวภาพของประเทศไทย ที่มีความสอดคล้องเชื่อมโยงกับนโยบายของภาครัฐ อาทิ กรอบนโยบายการพัฒนาเทคโนโลยีชีวภาพของประเทศไทย และยุทธศาสตร์การพัฒนาอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์สมุนไพร โดยเป้าหมายการพัฒนาธุรกิจชีวภาพมี 2 สาขา ได้แก่ 1.1 เทคโนโลยีชีวภาพ (Biotechnology) นโยบายการพัฒนาเทคโนโลยีชีวภาพของประเทศไทย ปี 2547–2554 ซึ่งได้กำหนดยุทธศาสตร์การสร้างบริษัทด้านเทคโนโลยีชีวภาพเกิดใหม่อีกไม่น้อยกว่า 100 บริษัท มีการลงทุนรวมไม่น้อยกว่า 5,000 ล้านบาท และสร้างรายได้ให้แก่ประเทศปีละไม่น้อยกว่า 30,000 ล้านบาท ตลอดจนเครือข่ายความร่วมมือต่างๆ ในด้านเทคโนโลยีชีวภาพ อาทิ กลุ่มเทคโนโลยีชีวภาพ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือเครือข่ายธุรกิจนวัตกรรมคณะอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ 1.2 ผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ (Natural Products) ประเทศไทยมีศักยภาพสูงทางด้านเกษตรกรรมต่างๆ กอปรกับแนวโน้มความต้องการผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติของผู้บริโภคทั่วโลกที่กำลังปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้ประเทศไทยต้องกำหนดยุทธศาสตร์การพัฒนาอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์สมุนไพร ในการสร้างมูลค่าส่งออกผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทยไม่น้อยกว่าร้อยละ 10 ต่อปี แนวทางหนึ่งในการสร้างโอกาสและความเป็นไปได้ทางการตลาดของผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติที่มีมูลค่าเพิ่มสูงมาก คือ การนำนวัตกรรมมาใช้ในการพัฒนาสมุนไพรมาเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและฟังก์ชันนัลฟูด (Nutraceutical & Functional Food) รวมทั้งผลิตภัณฑ์ยาและเครื่องสำอาง (Pharmaceutical & Cosmeceutical) เช่น สารอัลฟา-พีเอสพี และผงไหม เป็นต้น 2. อุตสาหกรรมเชิงเศรษฐนิเวศ (Eco-Industry) ปัจจุบัน ประชาคมโลกมีความสำคัญกับปัญหาภาวะโลกร้อน (Global Warming) และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) อันมีสาเหตุจากปรากฏการณ์เรือนกระจก (Greenhouse Effect) ซึ่งส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมของโลกมากขึ้น ในประเทศไทยประชาชนส่วนใหญ่ได้หันมาให้ความสำคัญกับปัญหาภาวะโลกร้อนกันอย่างจริงจังมากขึ้น ดังจะเห็นได้จากนโยบายการสนับสนุนต่างๆ เพื่อการแก้ปัญหาภาวะโลกร้อนทั้งจากภาครัฐและภาคเอกชน ภาครัฐได้กำหนดสาขายุทธศาสตร์เชิงเศรษฐนิเวศ เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนานวัตกรรมด้านผลิตภัณฑ์ กระบวนการผลิต และการบริการใหม่ใน 3 สาขา ประกอบด้วย 2.1 พลังงานสะอาด (Clean Energy) จากการเจริญเติบโตของประเทศไทยทำให้มีการใช้พลังงานอย่างมาก ซึ่งพลังงานส่วนใหญ่ที่ใช้ต้องนำเข้าจากต่างประเทศทำให้สูญเสียเงินตราต่างประเทศ ปีละกว่า 300,000 ล้านบาท และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปี นอกจากนี้การเติบโตของประเทศยังก่อให้เกิดปัญหาสิ่งแวดล้อมที่มีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น โดยมีสาเหตุสำคัญมาจากของเสียทั้งจากภาคอุตสาหกรรมและครัวเรือน จึงมีความจำเป็นต้องมีนวัตกรรมทั้งเชิงเทคโนโลยี และการบริหารจัดการเข้ามาแก้ไขปัญหาดังกล่าว 2.2 วัสดุชีวภาพ (Bio-Based Material) จากกระแสความตื่นตัวด้านสภาพแวดล้อมทั่วโลก โดยเฉพาะการนำเข้าหรือส่งออกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของวัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ทำให้เกิดความจำเป็นในการสร้างสรรนวัตกรรมด้านวัสดุชีวภาพ ที่สามารถย่อยสลายได้ภายในเวลาที่รวดเร็ว เพื่อนำไปใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น บรรจุภัณฑ์อาหาร อิเล็กทรอนิค หรือชิ้นส่วนยานยนต์ เป็นต้น 2.3 เกษตรอินทรีย์ (Organic Agriculture) เกษตรอินทรีย์ เป็นระบบการเกษตรที่ผลิตอาหารและเส้นใย ด้วยความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อม สังคม และเศรษฐกิจ โดยเน้นที่หลักการปรับปรุงบำรุงดิน การเคารพต่อศักยภาพทางธรรมชาติของพืช สัตว์ และนิเวศการเกษตร ลดการใช้ปัจจัยการผลิตจากภายนอก และหลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีสังเคราะห์ แต่ขณะเดียวกัน ก็พยายามประยุกต์ใช้ธรรมชาติในการเพิ่มผลผลิต และพัฒนาความต้านทานต่อโรคของพืช และสัตว์เลี้ยง ปัจจุบัน ความต้องการผลิตภัณฑ์เกษตรอินทรีย์ในประเทศต่างๆ ทั่วโลกต่างมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น 3. การออกแบบเชิงนวัตกรรม (Design & Solutions) ปัจจัยสำคัญในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และสร้างสรรค์ผลงานนวัตกรรมนั้น คือ “ความคิดสร้างสรรค์” ซึ่งการพัฒนาดังกล่าวจำเป็นต้องอาศัยองค์ความรู้ในหลากหลายสาขา เพื่อให้สามารถสร้างสรรค์ผลงานที่โดดเด่นที่จะเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้ก้าวสู่เศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์ (Creative Economy) อย่างไรก็ตาม การออกแบบเชิงนวัตกรรมจะมีศักยภาพต่อผลิตภัณฑ์มากน้อยเพียงไรขึ้นอยู่กับ “การสร้างตราสินค้า” 3.1 ซอฟต์แวร์และแม็คคาทรอนิกส์ (IT & Mechatronics) เทคโนโลยีสารสนเทศ เป็นการนำเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการรวบรวมและการจัดเก็บข้อมูล การติดตามและประมวลผล การสื่อสารข้อมูล รวมทั้งซอร์ฟแวร์สำหรับการควบคุมและจัดการระบบ มาพัฒนาให้เกิดธุรกิจนวัตกรรมการจัดการระบบการให้บริการ ธุรกิจนวัตกรรมการใช้และการดูแลข้อมูล แม็คคาทรอนิกส์ เป็นศาสตร์ที่ประยุกต์ใช้องค์ความรู้จาก 3 สาขาประกอบด้วย วิศวกรรมเครื่องกล วิศวกรรมอิเลคทรอนิกส์และวิศวกรรมซอฟแวร์ เพื่อสร้างเครื่องมือหรือเครื่องจักรที่ทำงานแบบอัตโนมัติที่ใช้ในงานอุตสาหกรรม ผ่านการควบคุมด้วยระบบคอมพิวเตอร์ เช่น แขนกลสำหรับงานเชื่อมและงานเคลื่อนย้ายวัตถุ เครื่องจักรในอุตสาหกรรมอาหาร เป็นต้น 3.2 การแก้ปัญหาด้วยนาโนเทคโนโลยี (Nano-Solutions) “นาโนเทคโนโลยี” เป็นเทคโนโลยีกระแสใหม่ที่จะช่วยผลักดันให้ประเทศก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะประเทศอุตสาหกรรม เช่น ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา เกาหลีใต้ และไต้หวัน แม้แต่ประเทศไทยได้มีการตื่นตัวด้านนาโนเทคโนโลยีเช่นเดียวกัน มีการจัดทำ “แผนกลยุทธ์ด้านนาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ ปี 2549-2556” หรือการพัฒนาโครงการนวัตกรรมด้านนาโนเทคโนโลยี เช่น เสื้อซิลเวอร์นาโน เป็นต้น 3.3 การออกแบบผลิตภัณฑ์เชิงเทคโนโลยี (Product Design) การสร้างสรรค์ผลงานโดยเน้น “การออกแบบนำเทคโนโลยี” เป็นการออกแบบผลงานผู้บริโภคสนใจและมีฟังก์ชั่นการใช้งานที่เหมาะสำหรับยุคปัจจุบัน ทั้งนี้ นวัตกรรมและการออกแบบอย่างสร้างสรรค์เป็นการออกแบบที่ประสานองค์ความรู้ด้านการออกแบบเชิงเทคโนโลยี (Technology Design) การออกแบบทางศิลปะ (Artistic Design) และการสร้างตราสินค้า (Branding) ที่เกี่ยวกับวัฒนธรรมและการจัดการ อันเป็นการบูรณาการองค์ประกอบที่เหมาะสมเข้าด้วยกันสำหรับการพัฒนาให้เกิดสิ่งใหม่ที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้น นวัตกรรม คือ อะไร? What's Innovation? เรียบเรียงโดย ปรเมศวร์ กุมารบุญ บทความด้านการบริหารงานโทรคมนาคมของผมนั้น อยากจะค่อยๆ แอบโยงถึงการบริหารเทคโนโลยีและนวัตกรรมพ่วงไปด้วยเช่นกัน เพราะราวกับว่าแอบมีแนวคิด ทฤษฎีมากมาย ที่ตกหล่นในห้วงประวัติศาสตร์การพัฒนาเทคโนโลยีของมนุษยชาติอีกมากมายที่ขาดคนนำมาเรียบเรียงเป็นภาษาชาวบ้าน ในชีวิตการทำงานของผมที่ได้พบปะผู้คนหลากหลายประเภท และหนึ่งในนั้นผมได้เคยสัมผัสกับผู้บริหารสูงสุดขององค์กรภาครัฐแห่งหนึ่ง ในงานที่เราหารือกันเป็นนวัตกรรมด้านการศึกษาทางไกลที่คนไทยพัฒนาขึ้น ด้วยความที่ผมกระตือรือร้นถึงประโยชน์ของโครงการ และด้วยการเคยเรียนจากวิทยาลัยนวัตกรรมมา ผมก็เรียกโครงการนั้นว่า นวัตกรรมการศึกษาทางไกล ท่านผู้อ่านอาจจะไม่เชื่อว่าสิ่งที่ผมคิดนั้นมันแย่เพียงใด ผมคิดว่า หนึ่งในสาเหตุที่ประเทศเราเจริญช้าด้านเทคโนโลยี นั้นอาจจะเป็นได้ว่าวัฒนธรรมเราต้องการผู้ใหญ่ (ผู้อาวุโส) มาบริหารองค์กรสำคัญๆ และองค์กรด้านเทคโนโลยีของชาติ ผมไม่ได้ปฏิเสธระบบอาวุโส และไม่ได้ไม่เห็นความสำคัญของผู้อาวุโส เพียงแต่ผมคิดแค่ว่า ถึงแม้ประเทศเรามีวัฒนธรรมที่อยากให้ผู้ใหญ่ปกครอง อยากให้ผู้ใหญ่นำพา แต่การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีที่รวดเร็วในปัจจุบันก็คง ต้องการผู้ใหญ่ที่ Update ตลอดเวลาเช่นกัน แต่ในทางปฏิบัติคงยาก อันที่จริงเราน่าควรจะลองให้คนรุ่นใหม่ที่เหมาะสมเป็นผู้พัฒนาองค์กรก้าวเดินด้านเทคโนโลยีดูมั่งก็น่าจะดีนะครับ ส่วนคำว่าเหมาะสมคงไม่ใช่คำว่าเรียนเก่งอย่างเดียวนะครับ ก็รู้ๆ กันอยู่ว่าวิชาที่เรียนกันมา (ด้านเทคโนโลยี) คนละเรื่องกับการบริหารองค์กร บริหารโครงการ กลับเข้าเรื่องนิดหนึ่งครับ แต่ผู้บริหารองค์กรด้านเทคโนโลยีของชาติท่านนั้น ถามผมว่า “คุณรู้มั๊ย นวัตกรรมคืออะไร?” แล้วท่านก็ทำสีหน้าแสดงภูมิ ผมเดาในใจว่าท่านจะพูดอะไร คงเถียงแค่นิยามตามตัวหนังสือ โดยที่ท่านไม่สนใจ System หรือแนวความคิดในการพัฒนา ระบบการศึกษาทางไกล Animation ครั้งแรกของไทยเลย ผมลองถามตัวเองในใจว่า “ท่านเปิดคอมพิวเตอร์เป็นหรือไม่?” ผมก็ตอบตัวเองในใจว่า คงไม่เป็นแน่ ผมก็จบเรื่องที่จะพูดเรื่องระบบ หรือแสงสว่างในการเดินหน้าด้านเทคโนโลยีของชาติ ผมก็หมดเรื่องที่จะคุยกับท่านไป เพราะถ้ายิ่งระดมความคิด ไอเดีย ด้านเทคโนโลยีที่ท่านไม่รู้เรื่องคงไม่ดีแน่ ผมก็เกรงใจ และถือว่าเป็นความบกพร่องต่อการบรรยายของผมเอง แต่วันนี้ว่างๆ ผมก็มานั่งหา “แค่” คำนิยามทีทรงภูมิเพื่อเอาไว้สนทนากับผู้บริหารท่านนั้นให้ดูโก้หรู ส่วนคำว่านวัตกรรมสำหรับผม หมายถึง สิ่งประดิษฐ์หรือบริการที่มีความใหม่ในการนำมาทำเป็นธุรกิจได้.... พูดถึงสิ่งปรัดิษฐ์แล้วก็ต้องนึกถึงThomas Alva Edison นักประดิษฐ์ ชาวอเมริกัน ผู้มีชื่อเสียมากที่สุดคนหนึ่งของโลก มีสิทธิบัตรการประดิษฐ์กว่า 1,000 ฉบับ อาทิเช่น หลอดไฟฟ้า ฟิลม์ภาพยนตร์ขนาด 35 มิลลิเมตร หรือแม้แต่เก้าอี้ไฟฟ้า เป็นต้น เขาเป็นนักประดิษฐ์คนหนึ่งที่มีความสำคัญมากสำหรับตัวผม เพราะตอน ป.6 ผมก็ได้ค้นพบตัวเองแล้วว่า โตขึ้นอยากเป็นนักประดิษฐ์ และนักประดิษฐ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกอันเป็นต้นแบบที่ผมอยากเอาเยี่ยงอย่างนั่นก็คือ เอดิสัน ถึงแม้ผลงานด้านอุปกรณ์ไฟฟ้าของ Edison โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลอดไฟฟ้าซึ่งถือเป็นผลงานการคิดค้นชิ้นเอกของเขา จะเป็นประดิษฐกรรมที่ดีเลิศเพียงใด แต่มันก็จะกลายเป็นสิ่งประดิษฐ์ธรรมดาๆ ชิ้นหนึ่งเท่านั้น หากไม่สามารถหาปลั๊กมาเสียบกับมันได้ ด้วยเหตุนี้เองทีมงานของ Edison จงคิดค้นเครื่องกำเนิดไฟฟ้าและระบบส่งจ่ายกระแสไฟฟ้าขึ้น พร้อมๆ กับการสร้างมาตรฐานของ หลอดไฟฟ้า สวิทซ์และสายไฟควบคู่กัน และในปี 1882 Edison สามารถเดินเครื่องกำเนิดไฟฟ้าเครื่องแรกได้ในเมืองแมนฮัตตัน และสามารถส่งจ่ายกระแสไฟฟ้าให้กับหลอดไฟในพื้นที่นั้นได้กว่า 800 หลอดในเวลาเดียวกัน ภายหลังจากความสำเร็จของ Edisonจึงได้มีการสร้างโรงไฟฟ้าขึ้นอีกกว่า 300 แห่งทั่วโลก ในเวลาต่อมา Edison กล่าวว่า นวัตกรรม เป็นสิ่งที่สำคัญมากกว่าการเป็นแค่การจุดประกายความคิดอะไรใหม่ๆ ให้บังเกิดขึ้นมาเท่านั้น แต่มันยังเป็นกระบวนการของการทำให้ความคิดเหล่านั้นสามารถนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้อย่างแพร่หลาย ซึ่งคำจำกัดความของคำว่า “นวัตกรรม”หรือ“Innovation” นั้น จึงมีอยู่หลายประการแต่ประเด็นสำคัญที่ทุกคำจำกัดความได้เน้นย้ำก็คือ “นวัตกรรม เป็นความต้องการที่จะพัฒนาองค์ความรู้ใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นให้เสร็จสมบูรณ์ และสามารถนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้อย่างแพร่หลาย ซึ่งไม่ได้เป็นเพียงแค่คำว่าประดิษฐกรรม เท่านั้น” ถ้าเราทำความเข้าใจแต่เฉพาะบางส่วนของกระบวนการทางนวัตกรรม มันจะก่อให้เกิดประโยชน์แก่เราไม่ได้เต็มที่นักถึงแม้เราจะตั้งใจจะทำมันให้ดีที่สุดก็ตาม ดังคำกล่าวที่ว่า “ไม่ว่าเราจะเป็นนักประดิษฐ์ที่เก่งเพียงใด แต่มันก็ไม่ได้เป็นหลักประกันใดๆว่า ประดิษฐกรรมของเราจะประสบความสำเร็จในเชิงการค้า ในทางตรงกันข้าม หากประดิษฐกรรมได้มีการผสมผสานการจัดการด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการจัดการด้านการตลาด การเงิน หรือองค์กร เข้าไปด้วยกันแล้ว แม้จะเป็นเพียงการคิดค้นกับดักหนูรุ่นใหม่ ก็สามารถสร้างความสนใจแก่คนทั่วทั้งโลกได้ไม่ยากนัก” ผมคุ้นๆ เหมือนเคยอ่านหนังสือตอนเด็กๆ เรื่องราวที่ เอดิสัน ประดิษฐ์หลอดไฟฟ้า เขาทำการทดลองถึง สามครั้งกว่าจะสำเร็จ แต่เขาบอกว่า เขาค้นพบวิธีการทดลองสร้างหลอดไฟฟ้าที่ไม่ประสบความสำเร็จเกือบสามพันครั้ง What is Innovation? นวัตกรรมคืออะไร? หนึ่งในปัญหาของการจัดการนวัตกรรม ก็คือความเข้าใจในนิยามของคำว่านวัตกรรมที่ชัดเจน และบ่อยครั้งที่มักจะสับสนกับคำว่า “ประดิษฐกรรม (Invention)” แต่เดิมนั้นคำว่านวัตกรรมหรือ Innovation มีความเชื่อกันว่ามาจากรากศัพท์ในภาษาลาติน“Innovare“ ซึ่งมีความหมายว่า ทำสิ่งใหม่ๆให้เกิดขึ้น แต่ในอีกมุมมองของบรรดานักเขียน นักวิชาการต่างคิดว่า คำว่า นวัตกรรมควรจะหมายถึง “กระบวนการของการปรับเปลี่ยนโอกาส ไปสู่แนวความคิดใหม่ๆ ที่สามารถจะนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์แก่บุคคลทั่วไปได้” นอกจากนี้ คำว่านวัตกรรม ยังมีผู้ให้นิยามไว้อีกหลายประการ ไม่ว่าจะเป็น “การใช้ประโยชน์จากแนวความคิดใหม่ๆที่ประสบความสำเร็จ” นิยามโดย แผนกนวัตกรรม ของ กระทรวงการค้าและอุตสาหกรรม ประเทศอังกฤษ ปี 2004 “นวัตกรรมทางอุตสาหกรรม (Industrial Innovation) คือกิจกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านการออกแบบ การผลิต การจัดการรวมไปถึงการดำเนินงานทางการค้า ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับ การตลาดของผลิตภัณฑ์ใหม่ หรือ การนำผลิตภัณฑ์หรือกระบวนการใหม่ หรือถูกปรับปรุงใหม่ออกไปใช้ในท้องตลาดเป็นครั้งแรก” นิยามไว้ใน “The Economics of Industrial Innovation 2nd Edition“ ของ Chris Freeman (1982) “นวัตกรรม ไม่จำเป็นจะต้องสื่อถึงการนำเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย ออกสู่ตลาดเพียงอย่างเดียวแต่จะรวมไปถึง การก่อประโยชน์อย่างคุ้มค่าของการเทคโนโลยีที่แม้จะเป็นเพียงแค่การปรับปรุงอะไร บางสิ่งบางอย่างเพียงเล็กน้อยเท่านั้น” นิยามไว้ใน “Invention, Innovation, re-innovation and the role of the user " โดย Roy Rothwell และ Paul Gardiner (1985) “นวัตกรรมคือ เครื่องมือเฉพาะด้านของผู้ประกอบการ ที่มีความสามารถในการผลิกผันโอกาสไปใช้ให้เกิดประโยชน์ ตามแต่ละธุรกิจ ซึ่งสามารถจะที่จะนำเสนอต่อผู้ให้สามารถ เรียนรู้ และ ฝึกฝนได้” นิยามไว้ใน “Innovation and Entrepreneurship" ของ Peter Drucker (1985) “องค์กรที่จะสามารถรักษาศักยภาพในการแข่งขัน (Competitive Advantage) โดยอาศัยผลของนวัตกรรม องค์กรนั้นจะต้องเข้าใจในนวัตกรรมในภาพกว้าง ซึ่งจะรวมไปถึง การเป็นเทคโนโลยีใหม่ และ วิธีการสร้างสรรค์ผลงานด้วยวิธีใหม่ๆ” นิยามไว้ใน “The Competitive Advantage of Nations" ของ Michael Porter (1990) “ธุรกิจทางนวัตกรรม เปรียบเสมือนกระบวนการที่มีชีวิต เป็นการรวบรวมทั้งแนวความคิดใหม่ การสร้างแรงจูงใจ และการเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงความต้องการของลูกค้า” นิยามไว้ใน “DTI Innovation Lecture" ของ Richard Branson (1998) Invention and Innovation ประดิษฐกรรม กับ นวัตกรรม ประดิษฐกรรมที่มีชื่อเสียงใดๆ ก็ตามในศตวรรษที่ 19 โดยส่วนใหญ่แล้วท้ายที่สุดก็ไม่มีใครเอ่ยถึงชื่อของผู้ประดิษฐ์อีกเลย แต่ในทางกลับกันประดิษฐกรรมเหล่านั้นกลับถูกตั้งชื่อโดยผู้ประกอบการที่นำเอาประดิษฐกรรมเหล่านั้นไปทำตลาด ยกตัวอย่างเช่น การคิดค้นเครื่องดูดฝุ่นของนาย J. Murray Spengler ซึ่งแต่เดิมมีชื่อเรียกว่า “ไม้กวาดไฟฟ้า (Electric Suction Sweeper)“ ซึ่งนาย Murray เองไม่มีความรู้เรื่อง เครื่องดูดฝุ่นเลยแม้แต่น้อย เพียงแต่เขารู้ว่าควรจะทำตลาดและขายมันอย่างไรเท่านั้น หรือในอีกกรณีหนึ่ง ที่นาย Elias Howe ชาว Boston ผู้ประดิษฐ์จักรเย็บผ้าเครื่องแรกของโลกขึ้นในปี 1846 แต่ประสบปัญหาไม่สามารถจักรเย็บผ้าของเขาได้ แม้ว่าจะเดินทางไปขายถึง ประเทศอังกฤษก็ตาม เมื่อเขาเดินทางกลับมายังสหรัฐอเมริกา ปรากฏว่า สิทธิบัตรจักรเย็บผ้าของเขาถูกขโมยไป โดยนาย Isaac Singer และสามารถทำตลาดจนประสบความสำเร็จ แม้ว่า Isaac จะถูกกดดันให้ต้องจ่ายค่าสิทธิบัตร แก่นาย Howe สำหรับจักรเย็บผ้าทุกตัวที่ขายได้ แต่ชื่อสำหรับผลิตภัณฑ์จักรเย็บผ้าที่คนส่วนใหญ่รู้จักและเรียกขานกัน ต่อมาก็คือ Singer ไม่ใช่ Howe แต่อย่างใด นวัตกรรมคือส่วนสำคัญของกระบวนการทางธุรกิจ (Innovation as a Core Business Process) นวัตกรรม เปรียบเสมือนหัวใจของกระบวนการทางธุรกิจ ที่แสดงถึงความคิดริเริ่มประกอบกับการนำความคิดริเริ่มเหล่านั้นมาใช้ให้เกิดประโยชน์ ซึ่งกระบวนการทางนวัตกรรมนี้เอง จะเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้องค์กรสามารถดำรงอยู่และเจริญเติบโตต่อไปได้ ซึ่งในบทนี้จะแสดงให้เห็นต่อไปว่า กระบวนการดังกล่าวยังมีส่วนประกอบที่สำคัญต่างๆอีกหลายประการเช่น • การค้นหา (Searching) เป็นการสำรวจสภาพแวดล้อมต่างๆ ทั้งภายในและภายนอก เพื่อตรวจจับสัญญาณของทั้งโอกาส และอุปสรรค สำหรับการนำไปสู่จุดเริ่มต้นการเปลี่ยนแปลงในอนาคต • การเลือกสรร (Selecting) เป็นการตัดสินใจเลือก สัญญาณที่สำรวจพบเหล่านั้น เพื่อจะนำไปประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับองค์กร ทั้งนี้การเลือกสรรจำเป็นต้องมีความสอดคล้องกับหลักกลยุทธ์ขององค์กรด้วย • การนำไปปฏิบัติ (Implementing) เป็นการแปลงสัญญาณที่มีศักยภาพ ไปสู่การสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ขึ้นและนำสิ่งเหล่านั้นออกเผยแพร่สู่ตลาดทั้งภายในและภายนอกองค์กร แต่การแปลงสัญญาณที่ว่า ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น หากแต่จะเกิดขึ้น ด้วยผลของการดำเนินขั้นตอนที่สำคัญอีก4 ประการดังต่อไปนี้ 1. การรับ (Acquiring) คือขั้นตอนของการนำองค์ความรู้ต่างๆมาประยุกต์ใช้ให้เกิดเป็นนวัตกรรมขึ้น ยกตัวอย่างเช่น การสร้างสรรค์สิ่งใหม่จากกระบวนการทางการวิจัยและพัฒนา (R&D), การทำวิจัยทางการตลาด (Market Research) รวมไปถึง การได้รับองค์ความรู้จากแหล่งอื่นๆ โดยการถ่ายทอดทางเทคโนโลยี (Technology Transfer) หรือการค้นคว้าร่วมกันในเครือพันธมิตร (Strategic Alliance) เป็นต้น 2. การปฏิบัติ (Executing) คือขั้นตอนของการนำโครงการดังกล่าวปฏิบัติงาน ภายใต้สภาพของความไม่แน่นอนต่างๆ ซึ่งต้องอาศัยทักษะของการแก้ไขปัญหา (Problem – Solving) ตลอดเวลา 3. การนำเสนอ (Launching) คือการนำนวัตกรรมที่ได้ออกสู่ตลาด โดยอาศัยการจัดการอย่างเป็นระบบเพื่อให้นวัตกรรมนั้นสามารถเป็นที่ยอมรับจากตลาดได้โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงแรกของการนำออกสู่ตลาด 4. การรักษาสภาพ (Sustaining) คือการรักษาสถานะภาพการยอมรับจากตลาด ให้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องต่อไปและคงอยู่ให้นานเท่าที่จะเป็นไปได้ ในขณะเดียวกันอาจต้องนำนวัตกรรมนั้นๆกลับมาทำการการปรับปรุง แก้ไขในแนวความคิดหรือทำการเริ่มใหม่ตั้งแต่ต้น(Reinnovation) เพื่อให้ได้นวัตกรรมที่ถูกพัฒนาให้มีความสอดคล้องกับความต้องการของตลาดมากยิ่งขึ้น • การเรียนรู้ (Learning) เป็นสิ่งจำเป็นที่องค์กรควรที่จะศึกษา และเรียนรู้ ในขั้นตอนต่างๆของกระบวนการทางนวัตกรรมเพื่อก่อให้เกิดเป็นองค์ความรู้พื้นฐานที่แข็งแกร่ง และสามารถนำไปใช้พัฒนาวิธีการสำหรับจัดการกับกระบวนการทางนวัตกรรมเหล่านั้นให้มีประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้น 1 แนวคิดพื้นฐานของกระบวนการทางนวัตกรรม สิ่งท้าทายอย่างหนึ่งที่องค์กรต่างต้องเผชิญคือ การพยายามค้นหาวิธีการที่จะจัดการกับกระบวนการทางนวัตกรรม เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีที่สุด แต่ด้วยสถานการณ์ของการนำไปใช้แก้ปัญหานั้นมีความแตกต่างกัน จึงทำให้วิธีการจัดการมีความแตกต่างกันออกไปด้วย ยกตัวอย่างเช่น องค์กรขนาดใหญ่ ที่มีความรู้พื้นฐานทางวิทยาศาสตร์เป็นอย่างดี เช่น บริษัทด้านเภสัชกรรม ต่างๆ มักจะมีวิธีที่ใช้สำหรับค้นคว้าหาผลลัพธ์ จากกระบวนการการวิจัยและพัฒนา (R&D) ของตนเองเป็นหลัก หรือ ในบางครั้งอาจใช้วิธีการสรรหา สิทธิบัตรที่ตนเองต้องการด้วยก็ได้ ในขณะที่ หน่วยงานทางวิศวกรรกรรมขนาดเล็กๆ เช่นผู้รับเหมา มักจะให้ความสนใจกับวิธีการสัมฤทธิ์ผลเร็วที่สุด เป็นต้น นอกจากนี้ บรรดาผู้ค้าปลีกทั้งหลาย ซึ่งมักจะไม่ค่อยให้ความสำคัญกับการทำการวิจัยและพัฒนามากนัก มักจะเน้นหนักไปที่การสำรวจจากสภาพแวดล้อมต่างๆ เพื่อหาแนวโน้มของความต้องการของลูกค้า ทำให้พวกเขาต้องเน้นวิธีการดำเนินงานด้วยวิธีทางการตลาด (Marketing) ค่อนข้างมาก ผู้ผลิตสินค้าอุปโภค บริโภค (Consumer Goods Producer) ก็เช่นกัน เขาต้องมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อนำออกสู่ตลาด ที่มีความเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา, องค์กรทางวิศวกรรมขนาดใหญ่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อสร้างหรือกระบวนการผลิต เช่น การก่อสร้างโรงไฟฟ้า มักจะให้ความสำคัญกับเรื่องของการออกแบบเป็นลำดับต้นๆ และจะเน้นหนักไปที่ การจัดการโครงการ และการผสมผสานงานจากหน่วยปฏิบัติการย่อยต่างๆให้เข้ากันอย่างเป็นระบบ หรือแม้แต่ หน่วยงานภาครัฐเองที่ต้องให้ความสำคัญกับกฏระเบียบทางสังคมและการเมืองเป็นลำดับแรกๆ เป็นต้น ถึงแม้ว่าธุรกิจหรือองค์กรจะมีลักษณะที่แตกต่างกันเพียงไร แต่รูปแบบของกระบวนการทางนวัตกรรมในแต่ละขั้นนั้น ก็ยังคงไม่มีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งต่อไปในบทนี้ จะทำการศึกษาถึงคุณลักษณะของแต่ละขั้นในกระบวนการ ประกอบกับ หลักพื้นฐานของความแตกต่างดังที่กล่าวมาข้างต้น ให้ละเอียดยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตามการจัดการทางนวัตกรรมในมุมมองทั่วไปก็เปรียบเสมือน ความสามารถในการเรียนรู้ (Learn Capability) ที่แต่ละองค์กรควรต้องกระทำอย่างเป็นระบบ เพื่อที่จะให้ได้วิธีการและผลลัพธ์ที่สอดคล้องกับความต้องการของตนเองมากที่สุด ไม่ได้เป็นแค่เพียงการลอกเลียนมาจากแหล่งหนึ่งแหล่งใด แล้วนำมาใช้โดยตรงเลยเท่านั้น แต่จำเป็นที่จะต้องรู้จักนำมาปรับปรุง เปลี่ยนแปลง และประยุกต์ใช้ให้สอด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น